โครงการ คนละครึ่ง กับ ช้อปดีมีคืน ซึ่งทั้ง 2 โครงการนั้น มีเพื่อกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยภายในประเทศ บรรเทาภาระค่าใช้จ่ายให้ประชาชน และช่วยเพิ่มสภาพคล่องให้ร้านค้ารายย่อย เป็นการสนับสนุนเศรษฐกิจฐานรากและฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศในองค์รวม เรามาดูโครงการ คนละครึ่ง กับ ช้อปดีมีคืน ว่ามีข้อดีและข้อเสียอะไรบ้าง กันครับ
เปรียบเทียบ 2 โครงการของภาครัฐบาล คนละครึ่ง และ ช้อปดีมีคืน
โครงการ คนละครึ่ง
ข้อดี
1. ภาครัฐจะสนับสนุนโดยร่วมจ่ายค่าอาหาร เครื่องดื่ม และสินค้าทั่วไป ร้อยละ 50 ไม่เกิน 150 บาท ต่อคน/วัน หรือไม่เกิน 3,000 บาท ต่อคน/เดือน โดยท่านจะให้ใช้จ่ายได้ไม่เกินวันละ 150 บาท โดยใช้สิทธิผ่านแอปฯ เป๋าตัง
2. ไม่หักสิทธิ หากใช้ไม่หมดในแต่ละวัน โดยระบบจะคืนสิทธิที่ไม่ได้ใช้เข้ายอดรวมของผู้ได้รับสิทธิ และจะคำนวณสิทธิใหม่ในเวลา 6.00 น. ของทุกวัน
ข้อดีเสีย
1. สิทธิจำกัด ไม่ได้ทุกคน ใครลงทะเบียนก่อนได้ก่อน
2. ถ้าใช้สิทธิ โครงการ คนละครึ่ง ไปแล้วไม่สามารถไปใช้สิทธิโครงการ ช้อปดีมีคืน ได้
3. ตัดสิทธิ หากไม่ใช้สิทธิภายใน 14 วัน (กรณีนี้ นำไปใช้สิทธิในโครงการ ช้อปดีมีคืน ได้)
โครงการ ช้อปดีมีคืน
ข้อดี
1. ไม่จำเป็นต้องลงทะเบียนใดๆ แค่ซื้อของ หรือสั่งของออนไลน์ กับร้านค้าที่จดทะเบียนภาษี VAT และสามารถออกใบกำกับภาษีเต็มรูปแบบให้ได้
2. สามารถนำไป ลดหย่อนภาษี ได้ แต่ไม่เกิน 30,000 บาท วันนี้ถึงวันที่ 31 ธ.ค. 2563
ข้อเสีย
1. ไม่สามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ โดยมีอยู่ 6 ประเภทหลัก ได้แก่ เหล้า เบียร์ ไวน์ บุหรี่, ค่าหนังสือพิมพ์และนิตยสาร ทั้งรูปเล่มและอิเล็กทรอนิกส์, ค่าบริการจัดนำเที่ยว, ค่าที่พักโรงแรม, ค่าซื้อยานพาหนะ, ค่าน้ำมันและก๊าซ
2. ต้องซื้อกับร้านค้าที่จดทะเบียนภาษี VAT และสามารถออกใบกำกับภาษีเต็มรูปแบบให้ได้เท่านั้น
บทความที่เกี่ยวข้อง
- คนละครึ่ง ลงทะเบียน รอบ 2 เริ่มวันที่ 11 พฤศจิกายน 2563
- ลงทะเบียน คนละครึ่ง รอบ 3 อีก 7 แสนสิทธิ วันที่ 19 พ.ย. 63
- วิธีการลงทะเบียน โครงการ “คนละครึ่ง” สำหรับร้านค้า